Review มาต่อขนตา + แว็กซ์คิ้ว + สักคิ้ว 3 มิติกับคุณแม่ที่ TINGLE
นีน่าเชื่อว่าสาวๆ คงเห็นนีน่าลงภาพที่นีน่าเคยไปต่อขนตา และ แว็กซ์คิ้วมาหลายครั้งมากๆ ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าเพจ facebook หรือ IG นะคะ และเชื่อมั๊ยคะ ว่าทุกครั้งที่นีน่าลง ก็จะมีคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคา ข้อดี ข้อเสีย ความรู้สึกตอนทำ และ ระยะเวลาการทำซ้ำอีกรอบ วันนี้นีน่าเลยถือโอกาสมาเขียนรีวิวอย่างละเอียดเพื่อตอบคำถามและให้เพื่อนๆ เข้าใจมากขึ้นนะคะ ประจวบเหมาะกับที่นีน่าพาคุณแม่ไปลองสักคิ้ว3มิติที่นี่ด้วย เลยขอรวบยอดรีวิวการต่อขนตาปลอม แว็กซ์คิ้ว และสักคิ้ว3มิติที่ TINGLE กันนะคะ
TINGLE
เหตุผลหลักที่นีน่าเลือกทำที่ร้านนี้ เพราะชอบในการบริการและคุณภาพค่ะ พนักงานทุกคนน่ารัก เป็นกันเอง พี่แอมเจ้าของร้านน่ารักมากๆ ไม่เคยถือตัว เป็นกันเองกับทั้งนีน่าและคุณแม่มาโดยตลอด
ร้านตกแต่งแนวหรูหรา สะอาดสะอ้าน คุณแม่นีน่าเข้าไปครั้งแรกก็ประทับใจในสถานที่เลยค่ะ โดยเฉพาะสาขา Esplanade รัชดาที่โอ่อ่ามากๆ ตอนนี้ TINGLE มี 2 สาขานะคะ ที่ชั้น 3 ตึก All Seasons Place ถนนวิทยุ และที่ชั้น M Esplanade รัชดาค่ะ
ต่อขนตา
คุณภาพและการต่อขนตาของ TINGLE
การต่อขนตาที่ TINGLE จะเป็นการต่อแบบเส้นต่อเส้นนะคะ ขนตาที่ใช้จะนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีน้ำหนักเบาและคุณภาพสูง ที่ TINGLE จะมีแบบการต่อให้เราเลือกค่ะ ไม่ว่าจะต่อแบบธรรมชาติ ตาหวาน ตาเซ็กซี่ มีความยาวของขนตาให้เลือกว่าอยากได้ยาวมาก ยาวน้อย ส่วนความหนาของขนตา จะต้องขึ้นอยู่กับความต้องการและปริมาณขนตาจริงเราด้วยค่ะ สมมติว่าขนตาจริงเรามีข้างละ 100 เส้น นีน่าแนะนำว่าไม่ควรต่อเกิน 100 เส้น เพราะการต่อขนตา จะใช้วิธีการต่อกับขนตาจริงเรา ไม่ได้ต่อกับหนังตาเรา ถ้าเราต่อเกินขนตาจริง นั่นหมายความว่าเราต้องต่อขนตาปลอม 2 เส้น ต่อขนตาจริงเส้นเดียว ซึ่งจะทำให้หนักเกินไป และขนตาจะไม่งอนเด้งเท่าที่ควรค่ะ อย่างตัวนีน่าเอง จะเลือกต่อแบบตาหวาน เส้นขนตาค่อนข้างยาว ส่วนจำนวนเส้น นีน่าได้ข้างละ 110 เส้นค่ะ (แต่ถ้าใครอยากได้ลุคธรรมชาติ สามารถเลือกจำนวนเส้นที่น้อยกว่าขนตาจริงเราได้นะจ้ะ)
ความรู้สึกตอนต่อขนตา
ที่นี่จะมีการแปะ under eye mask บำรุงใต้ตาให้เราก่อนค่ะ จากนั้นนีน่าพูดเลยว่านีน่าหลับยาวทุกครั้ง เพราะระหว่างต่อขนตา แทบจะไม่รู้สึกอะไรเลย เพราะพนักงานเบามือมากๆ ความรู้สึกเหมือนมีขนมาเล่นกับขนตาเราเบาๆ ค่ะ ระยะเวลาในการต่อ ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง แล้วแต่จำนวนเส้นเลยค่ะ ดังนั้นนีน่าแนะนำให้สาวๆ เข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย แล้วเตรียมหลับยาวได้เลย
ความรู้สึกหลังต่อเสร็จ และ ขนตาอยู่ได้นานเท่าไร
หลังจากต่อเสร็จ ตาเราจะฟรุ้งฟริ้งสวยงามตลอดเวลา โดยไม่ต้องแต่งตาใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ ถามว่าหนักตามั๊ย นีน่าพูดตรงๆ เลยว่าแทบไม่รู้สึกแตกต่างจากตอนก่อนต่อ เรียกได้ว่า ขนตาปลอมที่เรานำมาติดๆ เวลาออกงานนั้นหนักตากว่าหลายเท่าค่ะ มีเพื่อนๆ ถามมาเหมือนกันว่า รู้สึกคันตา ระคายเคือง หรือเจ็บมั๊ย เพราะบางท่านเคยมีประสบการณ์แย่ๆ เช่นนั้น นีน่าการันตีเลยค่ะ ว่าตั้งแต่นีน่าต่อขนตากับที่นี่มา 5 รอบ ไม่มีรอบไหนที่รู้สึกระคายเคือง คันตา หรือ เจ็บตาเลยซักครั้งเดียวค่ะ นีน่าว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการต่อและคุณภาพของกาวและขนตาค่ะ ไม่อยากให้เพื่อนๆ นำประสบการณ์ไม่ดีที่เคยเจอมาตัดสินน้า
ส่วนระยะเวลาว่าอยู่ได้นานเท่าไร ทางร้านจะบอกว่าอยู่ได้ระหว่าง 4-8 สัปดาห์ แต่สำหรับนีน่า ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาค่ะ อย่างนีน่าขนตาจะเริ่มร่วงประมาณ 2 สัปดาห์แรก และจะค่อยๆ ร่วงจนหมดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนครึ่งค่ะ
การดูแลรักษา และ การร่วงของขนตา
สำหรับนีน่า ข้อเสียเพียงข้อเดียวของการต่อขนตาคือการดูแลรักษาค่ะ สิ่งที่ยากคือเวลาเราจะต้องเช็ดเครื่องสำอางออกจากตา โดยที่ให้โดนขนตาน้อยที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้ขนตาที่ต่อหลุดได้ง่ายแล้ว บางทีสำลีจะชอบไปติดที่เส้นขนตา >< วิธีการดูแลรักษาขนตาที่ต่อมา คือการใช้ remover แบบน้ำ (ตอนนี้นีน่าใช้ BYPHASSE สามารถดูที่นีน่าเคยรีวิวได้ คลิกที่นี่เลยค่ะ) ค่อยๆ เช็ดเมคอัพที่ตาเบามือที่สุดค่ะ แต่ที่จริงแล้ว หลังจากต่อขนตา น้อยครั้งมากที่นีน่าจะต้องแต่งตา เพราะตาเราจะดูเด้งอยู่แล้วแบบเป็นธรรมชาติ ^^
ส่วนการร่วงของขนตา อย่างที่นีน่าบอก มันจะค่อยๆ ร่วงไปเองจนหมด บางท่านมีคำถามว่า ขนตาจริงจะร่วงตามาด้วยมั๊ย ตอบตามตรงว่ามีบ้างเป็นบางครั้งค่ะ แต่นีน่าเชื่อว่า เป็นปกติอยู่แล้วที่ขนตาจริงเราจะผลัด ร่วงเองอยู่แล้วบ้าง ดังนั้นการหลุดมาพร้อมกับขนตาต่อ นานๆ ครั้งจึง ok มากสำหรับนีน่าค่ะ
แต่ถ้าเมื่อไรนีน่าต้องการเอาขนตาต่อออก เพราะต้องถ่ายงานหน้าสด นีน่าจะกลับไปให้ทางร้านถอดออกให้ ซึ่งไม่เจ็บและปลอดภัยต่อขนตาจริงมากที่สุดค่ะ ^^
ราคา
ต่อขนตาที่นี่จะนับเป็นเส้น เส้นละ 10 บาทนะคะ อย่างนีน่าต่อข้างละ 110 เส้น 2 ข้าง 220 เส้น ดังนั้นราคาจะเป็น 2,200 บาทค่ะ
ส่วนการเอาขนตาออกถ้าไม่ได้ต่อใหม่ทันที จะคิดราคา 300 บาทต่อครั้งนะคะ แต่ถ้าจะต่อใหม่ทันที จะไม่คิดค่บริการค่ะ
ข้อดี vs ข้อเสีย
ข้อดี
- ชีวิตง่ายขึ้น ไม่ต้องแต่งตา ตื่นขึ้นมาตาสวย ทาแป้ง ทาปาก ออกจากบ้านได้ทันทีค่ะ
- การปัดมาสคาร่า หรือ ติดขนตาปลอม เวลาล้างออกต้องถูมาสคาร่าหรือกาวออกให้หมด ทำให้ผิวมีริ้วรอยก่อนวัยได้ง่ายนะจ้ะ การต่อขนตาปลอมสามารถแก้ปัญหานี้ได้ค่ะ ลืมไปเลย การถูเปลือกตาไปมา
- เทียบกับการติดขนตาปลอมแล้ว เบากว่ามากมายค่ะ
- การต่อ ไม่เจ็บ ไม่ระคายเคือง ok มากๆ
ข้อเสีย
- ตามที่นีน่าบอกคือมีข้อเดียว คือ ตอนล้างเครื่องสำอางที่ตา (สำหรับวันไหนที่เราแต่งตา) จะต้องค่อยๆ เช็ดทำความสะอาด ไม่งั้นอาจทำให้ขนตาที่ต่อมาหลุดได้ง่ายค่ะ
แว็กซ์คิ้ว
ทำไมต้องแว็กซ์คิ้ว ใครเหมาะกับการแว็กซ์คิ้วบ้าง?
การแว็กซ์คิ้วก็คือตัวช่วยในการจัดรูปทรงคิ้วเราให้เป๊ะ ให้ดูเป็นรูปทรงชัดเจนขึ้นค่ะ อย่างนีน่ามักเจอคำถามจากสาวๆ เยอะมาก เกี่ยวกับวาดคิ้วตรง ว่ามีวิธีวาดอยังไง เพราะบางคนวาดยังไง๊ยังไงก็ไม่ตรง ต้องบอกก่อนเลยว่ารูปคิ้วธรรมชาติของบางคนจะมีความโค้ง ความโก่ง ดังนั้น ถึงเราวาดโครงคิ้วให้ตรง ยังไงก็จะมีส่วนขนคิ้วธรรมชาติของเราเกินออกมาค่ะ เพราะฉะนั้น นีน่าจะแนะนำเป็นประจำว่าให้กันคิ้ว หรือ แว็กซ์คิ้วให้ได้รูปตามต้องการก่อน แล้วการวาดคิ้วจะง่ายและสะดวกขึ้นล้านเท่า บางคนไม่ต้องวาดเพิ่มเลยก็ยังได้
แล้วกันแว็กซ์คิ้วกับกันคิ้วมันต่างกันยังไง การกันก็เหมือนการใช้ใบมีดตัดขนที่ขึ้นผ่านเนื้อเราขึ้นมาออกเท่านั้น ขนคิ้วจึงขึ้นใหม่เร็ว สังเกตว่าถ้ากันคิ้ว ต้องกันเรื่อยๆ เกือบจะวันเว้นวันได้ค่ะ ส่วนการแว็กซ์ เหมือนการถอนรากถอนโคน สามารถอยู่ได้นานกว่า อย่างนีน่าอยู่ได้เกือบเดือนค่ะ
ส่วนคำถามที่ว่า ใครเหมาะกับการแว็กซ์บ้าง คิ้วบางแว็กซ์ได้มั๊ย? ขอให้ดูนีน่าเป็นตัวอย่างค่ะ ใครที่ติดตามนีน่ามาแต่ต้น จะทราบว่านีน่าเป็นคนคิ้วสั้น คิ้วบาง มีปัญหาในเรื่องคิ้วมาโดยตลอด เคยมีความคิดว่าการแว็กซ์คิ้ว เหมาะกับคนที่คิ้วรก คิ้วหนาเท่านั้น คนคิ้วบางอย่างเรา ไม่มีขนจะให้แว็กซ์ จะแว็กซ์ไปทำไมให้เสียตังค์ (เชื่อว่าสาวๆ หลายๆ ท่านคงคิดแบบนี้เหมือนกัน ><) แต่ตอนนี้ความคิดนีน่าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงค่ะ หลังจากได้เริ่มแว็กซ์คิ้วเป็นครั้งแรก จึงบรรลุว่า การแว็กซ์คิ้วสามารถทำให้คนคิ้วบางดูคิ้วเยอะขึ้น ดูมีคิ้วชัดเจนขึ้นได้ สาเหตุก็เพราะว่า การแว็กซ์คิ้ว จะจัดระเบียบคิ้วของเรา ให้ไม่ดูสะเปะสะปะ ให้คิ้วเป็นรูปทรงเป๊ะขึ้น ดังนั้นเวลาเทียบกับคิ้วก่อนแว็กซ์ จึงจะมีจุดโฟกัส ดูมีคิ้วขึ้นทันตาเลยค่ะ
ขั้นตอนการแว็กซ์ที่ TINGLE
- เริ่มจากการวาดทรงคิ้วที่เราต้องการก่อนค่ะ ขั้นตอนนี้ใครอยากได้คิ้วทรงตรงแบบนางเอกเกาหลี หรือโก่งสวยเหมือนสาวฝรั่งขอให้แจ้งพนักงานได้เลยค่ะ
- จากนั้นเมื่อเรา ok กับโครงคิ้วที่วาดไว้แล้ว พนักงานจะทาครีม บริเวณที่เป็นสิว รอยแดง หรือ ตรงที่ผิว sensitive เป็นพิเศษให้เราก่อน เพื่อที่เวลาแว็กซ์แล้วจะได้ไม่ระคายเคืองนะคะ
- จากนั้นก็ถึงเวลาลงแว็กซ์ค่ะ ที่นี่จะเป็นแว็กซ์ร้อน ใช้ไม้พายทาๆ บริเวณนอกกรอบโครงคิ้วที่เขียนไว้ แล้วใช้ผ้ามาแปะทับ จากนั้นดึงออกจ้า (ขั้นตอนนี้ถามว่าเจ็บมั๊ย ก็เจ็บใช้ได้นะ แต่เจ็บแบบทนได้แน่นอน ให้คิดถึงตอนที่เราลอกแผ่นสิวเสี้ยนออกจากจมูก หรือลองพลาสเตอร์ยาแบบที่หนียวหนึบๆ ความรู้สึกประมาณนั้นค่ะ)
- เมื่อแว็กซ์เรียบร้อยแล้ว พนักงานก็จะนำผ้าเย็นมาประคบให้เราค่ะ เพราะอย่างผิวนีน่าที่ขาวมากๆ จะเห็นเป็นรอยชมพูค่อนข้างชัดเจนจากการดึงแว็กซ์
- พอหายแดงแล้ว พนักงานจะใช้กรรไกรและแหนบมาตกแต่งคิ้วเพิ่มเติม ให้ได้ทรงสวยเป๊ะค่ะ
- สุดท้าย ถ้าเราจะต้องออกไปข้างนอกต่อ พนักงานจะแต่งคิ้วให้เราจนเสร็จสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการลง shadow คิ้ว มาสคาร่าคิ้ว และ อื่นๆ จนคิ้วเราสวย perfect พร้อมที่จะออกไปงานต่อได้เลยค่ะ
ราคา และ ความคงทน
แว็กซ์คิ้วที่ TINGLE อยู่ที่ราคาครั้งละ 700 บาทนะคะ
ส่วนหลายๆ ท่านที่ถามว่าแว็กซ์หนึ่งครั้งอยู่ได้นานเท่าไร อันนี้ต้องบอกว่าขึ้นอยู่กับความยาวช้า-เร็วของขนคิ้วของแต่ละท่านเลยค่ะ อย่างนีน่าขนคิ้วจะเริ่มรกทุกๆ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ ให้ลองสังเกตขนใต้วงแขนเราดูนะจ้ะ ความช้าเร็วในการขึ้นจะพอๆ กันค่ะ ^^
ข้อดี vs ข้อเสีย
ข้อดี
- ชีวิตง่ายขึ้นอีกแล้ว บางวันนีน่าแทบไม่แต่งคิ้วเพิ่มเลยค่ะ แค่ปัดมาสคาร่าคิ้วก็พอ แต่ถ้าวันไหนแต่งหน้าไปงานจัดเต็ม ก็รู้สึกว่าทำให้การวาดโครงคิ้วง่ายขึ้นหลายเท่า
- คิ้วดูสวย เป็นระเบียบ ดูเป็นคนสะอาด สวย เป๊ะ ^^
- ไม่ต้องมานั่งถอนขนคิ้วเอง หรือต้องกันคิ้วบ่อยๆ
ข้อเสีย
- ไม่ได้อยู่ถาวร ต้องมาทำเรื่อยๆ เมื่อขนคิ้วขึ้น แต่ถ้าเราขยันนะคะ นีน่าแนะนำว่าพอไปแว็กซ์มาครั้งนึง พอขนคิ้วยาวขึ้น ให้เรากันคิ้วหรือถอนขนคิ้วตามโครงเดิมที่ร้านเคยแว็กซ์ให้ ก็จะได้รูปคิ้วสวยตลอดเวลาจ้า
- ตอนระหว่างแว็กซ์ อาจรู้สึกเจ็บนิดนึงน้า แต่อย่างที่บอกว่าเจ็บแบบทนได้แน่นอนค่ะ
สักคิ้ว 3 มิติ (Micropigmentation Eyebrow)
ทำไมถึงต้องสักคิ้ว? เหมาะกับใครบ้าง?
ออกตัวก่อนเลย ว่านีน่าเป็นคนที่ไม่เคยคิดจะสักคิ้ว ไม่ว่าจะเป็น 3มิติ 4มิติ 5หรือ6มิติที่เค้ากำลังพูดถึงกันอยู่ในตอนนี้ ไม่ใช่เพราะไม่อยากหรือไม่กล้า แต่ด้วยการเป็น Beauty Blogger
นีน่าต้องโชว์หน้าสด เพื่อเริ่มขั้นตอนการแต่งหน้าใหม่ตลอดเวลา ถ้านีน่าสักคิ้วได้รูปตามต้องการ นีน่าก็ไม่สามารถสอนการเขียนคิ้วใน How-to ได้ เพราะคิ้วสวยอยู่แล้ว และอีกเหตุผลนึง คือด้วยลุคที่นีน่าต้องคอย create ใหม่ตลอดเวลา บางทีเราต้องเปลี่ยนรูปคิ้ว หรือเปลี่ยนสีคิ้วให้ดูเข้ากับลุคต่างๆ มากยิ่งขึ้น หรือให้เข้ากับสีผมในช่วงนั้นมากยิ่งขึ้น ด้วยสิ่งที่เราต้องทำ เลยคิดว่าการสักคิ้วคงไม่เหมาะแน่ๆ
แล้วใครถึงเหมาะกับการสักคิ้วใช่มั๊ยล่ะคะ ความคิดเห็นส่วนตัวนีน่า ขอพูดตรงนี้เลยว่า สาวๆ ทุกคนค่ะ ถ้าอยากให้ชีวิตดี ชีวิตสะดวก ลองมาสักเถอะค่ะ นีน่าพาคุณแม่มาลองทำครั้งนี้แล้ว นอกจากคุณแม่จะติดใจมากๆ นีน่าเองยังแอบอิจฉามากๆ เลยค่ะ ถ้าไม่ติดว่าเราทำอาชีพทางด้านนี้ เสร็จเราไปนานแล้ว ><
การสักคิ้ว 3 มิติที่ TINGLE
บางคนกลัวการสักคิ้ว เพราะ กลัวเจ็บบ้าง กลัวสักออกมาไม่ชอบแล้วไม่สามารถแก้ไปตลอดชีวิตบ้าง กลัวไม่สะอาด กลัวนู่นกลัวนี่ไปหมด นีน่าเข้าใจสาวๆค่ะ แต่จะบอกว่าสักคิ้วที่นี่ ไม่มีอะไรต้องกังวลจริงๆ เพราะที่นี่ พนักงานที่จะมาสักคิ้วให้เรา ถือเป็นผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงที่ผ่านการอบรมจาก Amiea ประเทศเยอรมนีค่ะ การสักที่นี่เรียกว่า Micropigmentation ซึ่งเป็นเจ้าเดียวในประเทศไทยที่ใช้ระบบเข็มกันการไหลย้อนกลับ (Creatip System) ให้ผลลัพธ์คล้ายการสัก แต่จริงๆ แล้วเป็นเทคนิคขั้นสูงในการฝังสีลงบนผิว ไม่ได้ลงลึกเข้าใต้ผิวเหมือนการสัก หรือใช้อุปกรณ์รุนแรงเท่าเครื่องสัก ซึ่งการฝังสีในลักษณะนี้ มีความแม่นยำ และทำให้การสักคิ้วแบบนี้ถือว่าเป็น semi-permanent หรือไม่ได้อยู่ถาวรเหมือนการสักทั่วไปนั่นเองค่ะ
ขั้นตอนการสัก
ครั้งนี้นีน่าขออนุญาตให้คุณแม่เป็นนางแบบจำเป็นให้นะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวนีน่าเองอยากลองสักมาก แต่สักไม่ได้ ก่อนอื่นให้ดูรูปคุณแม่ก่อนทำก่อนนะคะ คุณแม่เป็นคนมีคิ้วดกกว่านีน่า แต่รูปทรงไม่สวย และคิ้วสั้นไปหน่อยค่ะ
1. เริ่มด้วยการให้เราเลือกสีคิ้วที่เราต้องการก่อนค่ะ แนะนำให้เลือกสีเข้มกว่าที่อยากได้หน่อยนึง เพราะเวลาผ่านไป สีจะจางและอ่อนลงเองค่ะ วันนี้คุณแม่นีน่าเลือกสีแรกสุด CAMO100 นะคะ
2. แล้วพนักงานจะวาดโครงคิ้วให้เราดูเป็นตัวอย่างเหมือนการแว็กซ์คิ้วเลยค่ะ แต่อันนี้เราต้องดูให้ดีมากๆ มั่นใจว่าจะชอบทรงคิ้วนี้จริงๆ เพราะมันจะอยู่กับเราไปอีก 3 ปีเลยนะจ้ะ
3. พอเราได้รูปทรงคิ้วที่ถูกใจแล้ว พนักงานจะมาแว็กซ์คิ้วส่วนเกินออกให้ก่อนค่ะ ขั้นตอนนี้เหมือนการแว็กซ์คิ้วเลย
4. เสร็จแล้วพนักงานจะโปะยาชาที่คิ้วไว้ รอ 45 นาทีค่ะ (ระหว่างรอยาชาออกฤทธิ์ คุณแม่นีน่าแอบไปต่อขนตาด้วยค่ะ เพราะคุณแม่ชอบแบบธรรมชาติๆ เลยทำไม่นาน เสร็จพอดีเป๊ะกับยาชาออกฤทธิ์)
5. เริ่มการสักได้เลย พนักงานจะใช้อุปกรณ์หัวแหลมๆ มาค่อนๆ บรรจงวาดเส้นขนคิ้วทีละเส้นๆให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุดค่ะ
6. พอสักเสร็จ พนักงานจะมาเก็บรายละเอียดอีกรอบนึงค่ะ วัดดูว่าสองข้างเท่ากันมั๊ย Add นู่นเพิ่มนี่ จนสวย perfect ค่ะ
ความรู้สึกตอนทำ/หลังทำ การดูแลรักษา
สอบถามคุณเม่มาเรียบร้อย คุณแม่บอกว่าแทบไม่ค่อยรู้สึกเจ็บเพราะฤทธิ์ยาชาค่ะ แต่ตรงส่วนไหนที่เหมือนกับว่ายาชาอ่อน จะรู้สึกเจ็บคล้ายๆ มีดบาด คุณแม่แอบกระซิบว่าใช้แหนบถอนขนคิ้วยังเจ็บกว่านี้อีกค่ะ hahaha
ส่วนตอนหลังทำ คุณแม่มีแสบๆ นิดหน่อย ซึ่งทางร้านได้ให้ยามาทาบริเวณคิ้วค่ะ เพื่อที่เวลาสะเก็ดลอกเราจะได้ไม่เจ็บมาก ส่วนการดูแลรักษา 24 ชม.หลังสักคิ้วต้องห้ามโดนน้ำ แล้วให้ใช้ยาทาเรื่อยๆ ประมาณ 7 วันสะเก็ดจะค่อยๆลอกออกจนหมด สีคิ้วจะอ่อนลงหน่อยและดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นค่ะ
ราคา และ ความคงทน
ราคาการสักคิ้ว 3 มิติที่ TINGLE อยู่ที่ 13,900 บาท ทำ 2 ครั้ง คือครั้งแรก และมาซ้ำอีกรอบภายใน 3 เดือนค่ะ
ทำครั้งเดียวอยู่ได้นานประมาณ 3 ปี โดยสีจะค่อยๆ อ่อนจางลงตามเวลานะคะ
ข้อดี vs ข้อเสีย
ข้อดี
- ชีวิตง่ายขึ้นไปอีกระดับ ไม่ต้องกันคิ้ว ไม่ต้องเขียนคิ้ว ไม่ต้องแว็กซ์คิ้ว นี่คือสื่งที่ working woman อย่างเราตามหา ^^
- ถึงจะเป็นการสัก แต่ดูจริง ไม่หลอกตา นีน่าชอบคิ้วของคุณแม่มากๆ ดูธรรมชาติสุดๆ ค่ะ
- ไม่ต้องอยู่กับคิ้วทรงนี้ทรงเดิมตลอดไป เพราะเป็น semi-permanent สามารถเปลี่ยนรูปทรงใหม่ได้ทุกๆ 3 ปีจ้า
- อุปกรณ์เครื่องมือ สี ทุกอย่างสะอาดปลอดภัยและได้มาตรฐานแน่นอนค่ะ สามารถตรวจเช็คได้
ข้อเสีย
- ราคาอาจจะสูงเมื่อเทียบกับการแว็กซ์คิ้ว แต่ถ้าเทียบกับความคุ้มค่าแล้วเอาไปเต็มสิบค่ะ
- อาจรู้สึกแสบๆ เล็กน้อยตอนทำเสร็จ
- ถ้าใครต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนรูปทรงคิ้วบ่อยๆ เหมือนนีน่า อาจจะไม่เหมาะกับการสักคิ้วค่ะ
อธิบายมายาวเหยียด ให้ดูภาพคุณแม่ before-after จากการสักคิ้ว 3 มิติ และ ต่อขนตาปลอมกันชัดๆ อีกซักรอบนะคะ คือ ดูรูปนี้รู้สึกว่าคุณแม่หน้าเด็กลงทันที เครื่องหน้าชัดเป๊ะ นี่คือไม่ต้องแต่งหน้าลง makeup ใดๆ คือได้อย่างงี้ ทุกวันนี้คุณแม่สะดวกมากๆ ค่ะ ถ้าไม่ได้ไปงานกลางคืน คุณแม่ออกจากบ้านทั้งอย่างงี้ แล้วคือมั่นใจสุดๆ แถมพักหลังชอบมีคนทักว่าดูสาวขึ้น สวยขึ้น ไปทำอะไรมา? คือส่วนใหญ่คนจะดูไม่ออกค่ะ จะเหมือนกับว่าเราแต่งหน้าเก่งขึ้น ทั้งๆ ที่จริงๆแล้วเราไม่ได้แต่งหน้าเลยด้วยซ้ำ คุณแม่ปลื้มปริ่ม >< ตอนนี้ชวนนีน่าไปซ้ำรอบสองใหญ่เลยค่ะ
Conclusion
สุดท้ายนีน่าอยากสรุปว่า สิ่งนี้แล้วแต่ว่าส่วนตัวแล้วใครชอบหรือไม่ชอบ ใครเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยนะคะ นี่ไม่ใช่การศัลยกรรม ทุกอย่างที่ทำไม่ได้อยู่ถาวร ดังนั้นถ้าอยากลองดูซักครั้ง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ^^ ผู้หญิงกับความสวยเป็นของคู่กัน แต่ความสวยมักต้องแลกด้วยความขยัน ความตั้งใจ (ตื่นเช้ามา ค่อยๆบรรจงแต่งหน้า T T) และนีน่าโชคดีมากๆ ที่เจอตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เราสวยได้ด้วยความสะดวกสบายค่ะ
(ภาพนีน่า: ต่อขนตาแบบตาหวาน และแว็กซ์คิ้ว)
(ภาพคุณแม่: ต่อขนตาแบบธรรมชาติ และสักคิ้ว 3มิติ)
สามารถหาหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.TingleBrow.com www.Facebook.com/TingleBrow สาขา All Season Place ชั้น 3: 02-6540176-7, 081-8299905 สาขา Esplanade รัชดา ชั้น M: 02-6609369 ขอขอบคุณข้อมูลจาก: http://ninabeautyworld.com/2014/11/tingle-brow/