การออกแบบทรงคิ้ว
Eyebrow Shaping
การออกแบบทรงคิ้ว คือการกำจัดขนบริเวณรอบคิ้วด้วยการใช้ขี้ผึ้งร้อนปาดบนบริเวณขนที่ต้องการ และใช้ผ้าซับขี้ผึ้ง และดึงออกในทิศทางย้อนเส้นขน เพื่อกำจัดขนได้หมดจดทั้งราก
การออกแบบทรงคิ้ว (Eyebrow Shaping) ของ TINGLE คือการออกแบบรูปทรงคิ้วที่เหมาะสมกับรูปหน้าของลูกค้า โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการอบรมตามมาตรฐานของ TINGLE ซึ่งอุปกรณ์ที่ใช้ในกระบวนการออกแบบทรงคิ้วนั้นได้ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพ และเชื่อถือได้
ข้อดีของการออกแบบทรงคิ้ว
- คิ้วได้รูปทรงโดยไม่ทำร้ายผิว ทำให้คุณมีทรงคิ้วที่สวยเหมาะกับใบหน้า และขับให้ใบหน้าดูสดใสมากขึ้น
- การแว็กซ์ขนได้ผลลัพธ์ดีกว่าวิธีการถอนหรือกัน เพราะไม่ทำร้ายผิว ลดการเกิดขนคุด และทำให้ขนที่ขึ้นใหม่บางลงเรื่อยๆ
- การแว๊กซ์ขนอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ขนที่งอกใหม่มีอัตราที่น้อยลงเรื่อยๆ และจะหยุดงอกในที่สุด
- สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การแว็กซ์ขนคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้น ลดเวลาการแต่งหน้าได้
จุดเด่นของการออกแบบทรงคิ้วที่ TINGLE
- เราทำการวิเคราะห์ใบหน้า ออกแบบและจัดแต่งคิ้วให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลโดยเฉพาะ
- เทคนิคของเราเป็นเทคนิคสากลที่ถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับรูปหน้าคนเอเชีย
- เราใช้ Wax คุณภาพสูงที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% นำเข้าจากประเทศแคนาดา ผลที่ได้คือขนที่เรากำจัดออกไปจะขึ้นช้ากว่า Wax แบรนด์อื่น และจะให้ขนที่ขึ้นมามีเส้นเล็ก และบางลง
- ไม่ใช่แค่การออกแบบทรงคิ้ว แต่ทรีตเมนท์เราประกอบด้วย 5 ขั้นตอนเฉพาะของ TINGLE ซึ่งรวมทั้งการออกแบบ จัดแต่งให้คิ้วออกมาดีที่สุด โดยช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์สูง และผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี
- มีห้องบริการที่เป็นส่วนตัว
จุดเด่นของการลงสีคิ้วที่ TINGLE
- ทำให้มีทรงคิ้วที่สวยสมบูรณ์แบบ เหมาะกับใบหน้าของแต่ละท่าน
- การออกแบบทรงคิ้วทำให้ขนขึ้นช้า แตกต่างจากการกันด้วยใบมีดที่แค่ไม่กี่วันขนก็ขึ้น
- สำหรับผู้ที่แต่งหน้าและเขียนคิ้วเป็นประจำ การออกแบบทรงคิ้วทำให้เขียนคิ้วง่ายขึ้นมาก ลดเวลาการแต่งหน้าลงไปมาก
ข้อเสียของการออกแบบทรงคิ้ว
- อาจมีการระคายเคืองหลังการออกแบบทรงคิ้ว ซึ่งสามารถหายเองได้
- ขนที่สั้นมากอาจไม่ติดเนื้อแว๊กซ์และแว๊กซ์ไม่หลุดได้ ต้องใช้วิธีถอนออกแทน ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บมาก
- การออกแบบทรงคิ้วเป็นวิธีที่ยุ่งยาก และราคาสูงกว่าวิธีกำจัดขนคิ้ววิธีอื่น
ข้อควรปฎิบัติก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว
- งดการกัน ถอน ขนคิ้วก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
- งดการทายาสิวบริเวณรอบๆ คิ้วและงดการทายารักษาสิวประมาณ 1-2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการออกแดดจัดก่อนเข้ารับบริการประมาณ 1 สัปดาห์
- ไม่สครับผิวรอบๆ บริเวณคิ้ว หรือเลเซอร์ผิวเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
- หากอยู่ในระหว่างการดูแลรักษาแผลจากการทำศัลยกรรม ควรเว้นระยะห่างก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้วจนกว่าแผลบริเวณรอบๆ ดวงตาจะหาย
- หากฉีดฟิลเลอร์ โบท๊อก ร้อยไหม ยกกระชับใบหน้า หรือบริเวณใกล้เคียงรอบๆ คิ้ว ควรเว้นระยะห่าง 1 สัปดาห์ ก่อนเข้ารับบริการออกแบบทรงคิ้ว
- อยู่ในช่วงดูแลรักษาผิวเป็นผื่นแพ้ ผิวลอก แดง และบวม
- หากอยู่ในช่วงมีประจำเดือนการแว็กซ์อาจทำให้รู้สึกเจ็บ
คำถามที่พบบ่อย
ตอบ: การออกแบบทรงคิ้วแบบ TINGLE คือการดีไซน์ทรงคิ้วโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ โดยประเมินจากรูปทรงของใบหน้าทั้งหมดและออกแบบทรงคิ้วที่เหมาะสมและรับกับใบหน้ามากที่สุด หลังจากนั้น ช่างจะใช้แว๊กซ์กำจัดขนที่ไม่ได้ทรงออก เมื่อแว๊กซ์เสร็จแล้วจะมาส์กผิวด้วยมาส์กทองคำเพื่อลดการระคายเคืองและเพิ่มความชุ่มชื้น ก่อนที่จะตกแต่งทรงคิ้วเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ตอบ: เพราะหลังการเลเซอร์ที่ผิว ผิวจะค่อนข้างบอบบางและระคายเคืองได้ง่าย การแว็กซ์หลังเลเซอร์ทันทีจะเพิ่มการระคายเคืองให้ผิวขึ้นอีก ดังนั้นควรเว้นระยะอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์เพื่อรอให้ผิวฟื้นฟูกลับมาสู่สภาพปกติก่อนการแว๊กซ์
ตอบ: การแว๊กซ์คือการดึงขนออกมาทั้งราก นอกจากทำให้ขนใหม่ขึ้นช้าแล้ว ขนที่ขึ้นใหม่จะบางขึ้นเรื่อยๆ การกันคือการกำจัดขนบริเวณเหนือผิวหนัง ขนจะเกิดขึ้นใหม่เร็วขึ้นและเส้นหนาขึ้น และยังทำให้ผิวหนังเกิดความระคายเคืองจากการเสียดสีกับใบมีดได้อีกด้วย การถอนขนนั้น แม้จะเป็นการกำจัดขนทั้งรากเช่นเดียวกับการแว๊กซ์ แต่จะทำให้รูขุมขนเปิดกว้างมากกว่า ซึ่งอาจทำให้เกิดการสะสมของ keratin ที่รูขุมขนและทำให้เกิดขนคุดขึ้นได้ในที่สุด
ตอบ: การแว๊กซ์คิ้วนั้นคือการปาดแว๊กซ์อุ่นลงบนขนที่ไม่ได้ทรงคิ้ว ซึ่งแว๊กซ์อุ่นจะทำให้รูขุมขนขยายตัวและขนถูกดึงออกโดยง่าย ในการแว๊กซ์ครั้งแรกอาจจะรู้สึกเจ็บบ้างเล็กน้อยเนื่องจากขนไม่เคยถูกดึงมาก่อน แต่หลังจากนั้นผิวจะปรับตัวและจะไม่รู้สึกเจ็บเท่าไรนัก